วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559


5 วิธีป้องกันสิว ! เจาะลึกการป้องกันสิวของผิวแต่ละสภาพ !

วิธีป้องกันสิว

ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี

 คุณต้องเข้าใจก่อนว่าเรื่องการทำความสะอาดผิวหน้านั้นนับเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนไม่น้อย เพราะการทำความสะอาดแบบผิดวิธีก็อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวพรรณได้ ที่สำคัญหากเรารู้จักทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี สิ่งเหล่านี้แหละจะเป็นพื้นฐานสำคัญของการป้องกันการเกิดสิวได้แบบง่าย ๆ และยังส่งผลลัพธ์ที่ดีอย่างยาวนานอีกด้วย
สำหรับการล้างหน้าที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถช่วยลดการเกิดสิวได้จริงก็คือ “การล้างตามแนวขน” ซึ่งทำได้ไม่ยาก แต่การจะล้างหน้าตามแนวขนได้เราก็ต้องรู้ว่าขนบนใบหน้าของเรามันอยู่ในทิศทางไหนบ้าง ซึ่งจากรูปเราจะเห็นได้ว่า ทิศทางของขนมันไม่ได้อยู่ในทิศเดียวกันทั้งหมด ดังนั้น ถ้าหากเราต้องการลดการเกิดสิวก็ควรจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการลงผลิตภัณฑ์และวูบวน ๆ แบบเดิม เป็นการล้างหน้าและใช้มือลูบตามแนวขนแทนดีกว่า
ล้างหน้าตามแนวขน

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตามสภาพผิว

# สำหรับคนผิวธรรมดา #
ขอมอบโล่แห่งความโชคดีให้เลย เพราะผู้มีผิวธรรมดา ถือเป็นกลุ่มที่ดูแลรักษาผิวได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น คุณสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องดูแลและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้มีความสมดุล ใช้ไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป และพยายามอย่าปล่อยให้หน้ามันหรือหน้าแห้งจนกลายเป็นตัวก่อปัญหาผิว แล้วคุณก็จะเป็นคนที่มีหน้าสวยใสตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว
# สำหรับคนผิวมันและผิวผสม #
คนผิวประเภทนี้อาจดูโชคร้ายไปบ้างตรงที่รูขุมขนจะดูกว้างกว่าผิวประเภทอื่น เพราะมีการไหลผ่านของน้ำมันค่อนข้างมากในช่วงหน้าผาก จมูก และคาง (ทีโซน) ทำให้คนผิวมันและผิวผสมจะเป็นสิวง่าย แต่ก็ยังมีข้อดีคือ จะเกิดริ้วรอยได้ยากกว่า แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะถ้าคุณไปรบกวนผิวหน้าด้วยการขยี้หน้าแรง ๆ บ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดริ้วรอยได้เช่นกัน
ส่วนการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลหน้าของคนผิวมัน คุณควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยออยคอนโทรล ที่เป็นตัวช่วยควบคุมน้ำมันและทำให้รูขุมขนดูเล็กลงได้บ้าง สำหรับผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางควรเลือกแบบวอเตอร์เบส เพราะเบาสบายและไม่ไปอุดตันรูขุมขน และควรเลือกผลิตภัณฑ์แบบเนื้อเจลมากกว่าแบบอื่น และความโชคดีอีกอย่างหนึ่งของคนมีผิวมันก็คือ สามารถเลือกใช้โทนเนอร์ที่ผสมแอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดได้อย่างหมดจด (ถ้าคุณมั่นใจว่าไม่แพ้) แล้วหน้าคุณก็จะใสขึ้นดั่งใจเลยทีเดียว
# สำหรับคนผิวแห้ง #
ปัญหาผิวแห้งนั้นเกิดจากการที่ต่อมน้ำมันผลิตน้ำมันได้น้อย ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาริ้วรอยก่อนวัย ทั้งที่เป็นริ้วรอยแห่งวัยและริ้วรอยชั่วคราว แถมยังมีปัญหาเรื่องการเก็บความชุ่มชื่นไม่ค่อยได้ ส่งผลให้รู้สึกตึงผิวหน้าหลังจากล้างหน้าเสร็จ ผิวหน้าจะแห้งและหยาบอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งผิวหน้าก็เป็นขุย เมื่อสัมผัสหรือถูแรง ๆ ก็เป็นรอยแดงได้ง่าย
หากคุณเป็นคนผิวแห้งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ไม่มีฟองหรือมีก็น้อยที่สุด แต่ถ้าต้องล้างเครื่องสำอางด้วยล่ะก็ คุณควรใช้คลีนซิ่งแบบครีมหรือออยเบส และควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอนเจอไรเซอร์ ตัวคลีนซิ่งนั้น ๆ อาจมีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วกับน้ำมันที่อยู่ในรูขุมขน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสภาพผิวของคุณจะเป็นแบบไหน ถ้ากำลังเป็นสิวอยู่ล่ะก็ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบ non comedogenic ส่วนข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือห้ามล้างหน้าด้วยน้ำร้อนเป็นอันขาด ถ้าไม่อยากให้หน้าแห้งกรอบไปมากกว่าเดิม
# สำหรับคนผิวแพ้ง่าย #
ผู้มีผิวประเภทนี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่จะแพ้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง เพราะโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับสารสกัดต่าง ๆ โดยผู้มีผิวแพ้ง่ายจะมีพื้นฐานของผิวคล้ายกับคนผิวแห้ง แต่ผิวจะแห้งกว่าและเกิดรอยแดง ผื่น ได้ง่ายกว่า หากจะใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ จะต้องทดสอบโดยนำมาทาไว้ที่ท้องแขนแล้วทิ้งเอาไว้ ถ้าไม่มีอาการใด ๆ ก็สามารถนำมาใช้กับผิวหน้าได้
อย่างไรก็ดี ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทเวชสำอางสำหรับผิวแพ้ง่าย ซึ่งมักจะเขียนบนบรรจุภัณฑ์ว่า “Dermatological test” ซึ่งผลิตมาเพื่อตอบโจทย์ของคนผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ อย่างผู้ที่มีปัญหาสิวโดยไม่ได้มีผิวแพ้ง่ายก็มักจะเลือกผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ไว้ใช้ทำความสะอาดเช่นกัน ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนผิวแห้งแพ้ง่ายก็คือ “สบู่เหลว” แบบไม่มีฟองซึ่งอยู่ในกลุ่มเวชสำอาง แต่ถ้าหาผลิตภัณฑ์ประเภทเวชสำอางไม่ได้ ก็ให้เลือกใช้ “สบู่เหลวสูตรอ่อนโยน” ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม (perfume) หรือสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ส่วนผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำ จะต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่เหมาะสมกับเราขึ้นมาอีก ซึ่งควรจะเป็น “เมคอัพรีมูฟเวอร์แบบวอเตอร์เบส” เพราะผลิตภัณฑ์แบบนี้จะรบกวนผิวหน้าน้อยกว่าแบบออยเบส

ล้างหน้าอย่างถูกวิธี

หลายคนอาจสงสัยว่าตัวเองว่าล้างหน้าสะอาดแล้ว แต่ทำไมยังมีสิวอยู่อีก นั่นอาจเป็นเพราะเราเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิวหน้า ยิ่งบางคนนอกจากจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว ยังล้างหน้าไม่ถูกวิธีอีกด้วย ดังนั้น ถ้าอยากหลีกหนีให้ไกลสิว ก็ให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ !
  • ขั้นตอนที่ 1 : ล้างเครื่องสำอางเฉพาะจุด
    ในขั้นตอนนี้เราจะลบเครื่องสำอางเฉพาะจุดอย่างตาและปาก ด้วยการใช้ Eye & Lip makeup remover มาหยดลงบนสำลีแผ่นให้ชุ่ม แล้วนำมาโปะไปที่เปลือกตาประมาณ 5 วินาที แล้วลูบลง หากยังมีอายไลเนอร์ตกค้างอยู่ ก็ให้ใช้คอตตอนบัตชุบแล้วเช็ดออกอีกครั้ง
    การป้องกันสิวจากนั้นก็ให้เช็ดริมฝีปากด้วยสำลีที่ชุบ Eye & Lip makeup remover เพื่อไม่ให้สีลิปสติกตกค้างจนทำให้ริมฝีปากดำ
    121-2
    วิธีการล้างหน้า
  • ขั้นตอนที่ 2 : ชำระเครื่องสำอาง
    สำหรับคนผิวแห้งที่เลือกใช้ออยล้างหน้า น้ำนมสำหรับล้างหน้า ให้เทปั๊มผลิตภัณฑ์ออกมาจากขวด แล้วนำไปหมุนวนลงบนใบหน้าเบา ๆ ตามรูป แล้วล้างออก
    ล้างหน้าส่วนคนที่มีผิวมันและผิวผสมที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางแบบวอเตอร์เบส ให้ใช้สำลีชุบผลิตภัณฑ์ออกมาให้ชุ่ม แล้วเช็ดลงบนใบหน้าตามรูป ถ้ายังไม่สะอาดก็ให้ทำซ้ำอีกรอบ
    ล้างหน้าป้องกันสิว
  • ขั้นตอนที่ 3 : ทำความสะอาด
    ขั้นตอนนี้ให้เราล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา โดยล้างตามแนวขน แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จากนั้นก็ซับหน้าให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู่หรือผ้าขนหนูสะอาด
    ล้างหน้าอย่างถูกวิธี
  • ขั้นตอนที่ 4 : กระชับรูขุมขน
    ให้กระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็น หรือโทนเนอร์ จากนั้นก็ซับหน้าของคุณให้แห้ง แล้วตามด้วยการบำรุง
    ขั้นตอนการล้างหน้า
นอกจากการล้างหน้าและบำรุงตามสภาพผิวแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำทุก ๆ สภาพผิวก็คือ การมาร์คหน้าโคลนเพื่อดูดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินออก โดยคนที่มีผิวมันและผิวผสมให้ทำอาทิตย์ละครั้ง ส่วนคนที่ผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายให้ทำสองอาทิตย์ครั้ง และเรายังต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม หมั่นรับประทานผักผลไม้ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำให้จิตใจแจ่มใสอยู่ตลอดเวลาทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะถึงแม้เราจะเลือกใช้สกินแคร์ที่ดีที่สุด ทานสิ่งที่มีประโยชน์ ดูแลผิวเป็นอย่างดี แต่เรายังมีแต่ความเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ ผลลัพธ์ที่ออกมามันคงไม่ดีอย่างที่คิดไว้แน่ ๆ

ข้อควรระวังของแต่ละสภาพผิว

แต่ละคนมีสภาพผิวหน้าที่แตกต่างกัน ดังนั้นการดูผิวก็มีความแตกต่างกันไปด้วย แต่ทุก ๆ สภาพผิวควรจะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีเท่า ๆ กัน แม้ว่าคนผิวธรรมดาจะมีข้อจำกัดน้อยกว่าคนที่มีสภาพผิวแบบอื่น แต่ถ้าเราละเลยและใช้สิ่งที่ทำให้ผิวเสียสมดุล สุดท้ายก็อาจเกิดปัญหาหนักอกหนักใจตามมาได้
# สำหรับคนผิวธรรมดา #
  • คนมีผิวประเภทนี้ค่อนข้างจะโชคดีมาก เพราะคุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ แถมไม่ต้องระวังอะไรมากด้วย ปัญหาผิวก็มีน้อยกว่าคนอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวเสียสมดุล เช่น ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนผิวธรรมดา แต่ไปตะบี้ตะบันใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับคนผิวมันก็อาจทำให้ผิวแห้งและเสียสมดุลได้ และท่องให้ขึ้นใจเลยว่า “ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่สมดุลกับผิว
# สำหรับคนผิวมันและผิวผสม #
  • แนะนำว่าต้องเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น ออยเบส (Oil bases – ประเภทน้ำมัน) เพราะมันจะเข้าไปอุดตันรูขุมขนจนเกิดเป็นสิวอุดตัน
  • หากจะเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใด ๆ คุณไม่จำเป็นต้องเลือกแบบที่อุดมไปด้วยมอยเจอไรเซอร์เสมอไป เพราะผิวหน้าแบบนี้มีความมันเพียงพออยู่แล้ว แต่ให้หันมาใช้แบบออยฟรี ใบหน้าของเราจะได้ไม่มันกันไปใหญ่ ส่วนครีมบำรุงที่เป็นเนื้อครีมเข้มข้นก็เหมือนกัน เป็นสิ่งที่คนผิวมันควรหลีกเลี่ยง
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้เมคอัพที่มีส่วนผสมของซิลิโคน พวกบลัชออนประเภทครีม เพราะง่ายต่อการอุดตันรูขุมขน แต่ให้หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทฝุ่นมาลงบนใบหน้าก็จะเหมาะกว่า หรือจะเลือกใช้ Mineral make up (MMU) ก็เป็นอีกทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยม
# สำหรับคนผิวแห้ง #
  • ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ที่มีฟองเยอะ ๆ
  • ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าใด ๆ ในช่วงเช้า แต่ให้ใช้น้ำเปล่าล้างหน้า เพื่อรักษาน้ำมันให้เคลือบผิวหน้าไว้ตลอดเวลา
  • หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งหนักขึ้นไปอีก
  • การบำรุงผิวให้บำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่ได้ผสมสูตรอะไรมากมาย และห้ามใช้แบบออยคอนโทรล เพราะไม่อย่างนั้นน้ำมันที่คอยปกป้องผิวหน้าที่มีอยู่น้อยนิดมันจะหายไป ส่งผลให้หน้าแห้งยิ่งกว่าเดิม
  • การกระชับรูขุมขน แนะนำให้ใช้น้ำเย็นแทนการใช้โลชั่นเช็ดหน้าอย่างโทนเนอร์
  • งดการอบไอน้ำบริเวณใบหน้า รวมไปถึงการทำซาวน่าด้วย ถ้าไม่อยากให้น้ำมันระเหยออกไปจากผิวไปจนหมด
  • ควรใช้ชีวิตประจำวันอย่างถูกวิธี ต้องเก็บกักน้ำในผิวให้อยู่กับเรามากที่สุด เช่น ถ้าทำงานอยู่ในห้องแอร์ก็ต้องหมั่นดื่มน้ำบ่อย ๆ, ถ้าออกไปเจอแสงแดดก็ต้องทาครีมกันแดด, ลดการดื่มน้ำชากาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการขัดหน้าถ้ามีสิวอักเสบและสิวอุดตันมาก ผิวจะได้แข็งแรงขึ้นและสามารถต่อสู้กับปัญหาสิวได้ดีขึ้นไงล่ะ
# สำหรับคนผิวแพ้ง่าย #
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้แพ้ได้อย่างผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์และน้ำหอมผสมอยู่ ส่วนเครื่องสำอางก็ไม่ต้องเลือกแบบกันน้ำ เพราะสารในนั้นอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ใด ๆ จะทำให้แพ้ได้หรือไม่ ก็ให้นำมาทดสอบที่ใต้ท้องแขน ด้วยการทาทิ้งไว้ ถ้าแสบแดงหรือเป็นผื่น ก็แปลว่าใช้ได้
  • ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าประเภท Whitening โดยเฉพาะแบบที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ สารสกัดจากวิตามินเอ เพราะมันจะแรงเกินไปสำหรับผิวที่บอบบาง
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลอย่างรวดเร็วหรือปกป้องอย่างยาวนาน รวมไปถึงพวกสครับผิวก็ให้ลืมไปได้เลย ถ้าคุณไม่อยากให้หน้าระคายเคืองมากจนเกินเยียวยา
  • ดูแลตัวเองแบบทั่วไปด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดด และพยายามอย่าให้ใบหน้าของเราไปอยู่ใกล้ ๆ กับพวกกองหนังเกา ๆ พรม เพราะฝุ่นที่อยู่กับสิ่งเหล่านี้จะมาเกาะใบหน้าของเราจนทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ส่วนเรื่องอาหารก็สำคัญ อาหารที่มีรสเผ็ดจัดกับอาหารฟาสต์ฟู้ดเลี่ยงก็ได้ควรเลี่ยง ถ้าทำได้ตามนี้จนเป็นนิสัย รับรองได้เลยว่าผิวของคุณจะดีขึ้นจนคุณประหลาดใจ !

ดูแลและบำรุงผิวหน้าตามสภาพผิว

# สำหรับคนผิวธรรมดา #
  • ปกติผิวกลุ่มนี้ขั้นตอนการดูแลและบำรุงผิวจะไม่ซับซ้อน แค่ล้างหน้า กระชับรูขุมขน รักษาไปตามอาการ บำรุงผิวหน้าเป็นประจำ และทำทรีทเม้นท์บ้าง ทำได้ตามนี้ผิวก็ดูดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ
  • การล้างหน้า จริง ๆ แล้วสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัมผัสแบบไหนล้างก็ได้ ถ้าช่วงหน้าหนาวผิวแห้งก็ใช้ครีมล้างหน้า ถ้าหน้าร้อนจนหน้ามันก็ให้ใช้เจลล้างหน้า หรือถ้าอยู่ในช่วงปกติก็ให้ใช้โฟมล้างหน้าแบบที่เราชอบ สรุปก็คือ “เพียงแค่พยายามรักษาความสมดุลของผิวหน้าไว้ก็พอแล้ว
  • ในส่วนขั้นตอนการใช้โลชั่นเช็ดหน้าหลังการล้างหน้าเพื่อช่วยกระชับรูขุมขน อยากใช้อะไรใช้ได้เลย แค่เลือกตัวที่ไม่ทำให้หน้าแห้งตึงจนเกินไปก็โอเคแล้วล่ะ เวลาเช็ดก็เช็ดแบบเบามือ แต่ถ้าช่วงไหนรู้สึกหน้าแห้งตึง ก็งดใช้ไปสักพัก แล้วหันมาใช้น้ำเย็นแทนโทนเนอร์ พอผิวหน้ากลับสู่สภาพปกติก็ค่อยกลับมาใช้
  • การบำรุงผิวนั้นให้เลือกตามสูตรที่อยากจะบำรุงได้เลย แต่ต้องเลือกสูตรให้เหมาะกับคนที่มีผิวธรรมดา และที่สำคัญผลิภัณฑ์บำรุงผิวนั้น ๆ จะต้องผ่านการรับรองจาก อย. ด้วยล่ะ
  • การทำทรีทเม้นท์ คนผิวธรรมดานี้ไม่มีข้อจำกัดเท่ากับสภาพผิวแบบอื่น ๆ สามารถทำทรีทเม้นท์ได้เกือบทุกอย่าง ถ้าอยู่ในช่วงที่เป็นสิวก็ให้สครับหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายออก หรือใช้มาร์คลอกสิวเสี้ยนสัปดาห์ละครั้งก็ยังไหว และหากใครอยากให้ผิวหน้านุ่มเลือกหมุนเวียนดี ก็ให้นวดหน้าสัปดาห์ละครั้ง
# สำหรับคนผิวมันและผิวผสม #
  • กฎของผู้มีผิวมันคือ “ลดความมันบนใบหน้าแต่คงความชุ่มชื้นของผิวหน้าไว้” ส่วนผิวผสมก็คล้ายคลึงกัน เพียงแต่ต้องลดความมันบนในส่วนทีโซน และคงความสมดุลของส่วนยูโซนไม่ให้มันและแห้งจนเกินไป ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้จะต้องไม่ไปเพิ่มความมันบนใบหน้า แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เบาบาง ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ที่สำคัญต้องเป็นแบบควบคุมความมันด้วย โดยส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่คนกลุ่มนี้ควรมองหาไว้ก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ tea tree, salicylic acid, glycolic acid เป็นต้น เพราะส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกิน รวมไปถึงแบคทีเรียและเซลล์ผิวเก่าให้ออกไปจากใบหน้าของเราได้อย่างหมดจด
  • ในเรื่องของการล้างหน้า ชนิดของผลิตภัณฑ์ล้างหน้าควรเป็นแบบเจลและวอเตอร์เบส (แต่อาจใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทโฟมในส่วนทีโซนได้) ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ไม่ผสมมอยเจอร์ไรเซอร์จนเข้มข้น ถ้าเราเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผสมทีทรีก็จะยิ่งเหมาะมาก เพราะเป็นทั้งมอยเจอร์ไรเซอร์ธรรมชาติและช่วยกำจัดแบคทีเรีย ทำให้กลุ่มของผิวผสมไม่เสียสมดุลทั้งในส่วนของทีโซนและยูโซน
  • กระชับรูขุมขนเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เราสามารถกระชับรูขุมขนได้ด้วยโทนเนอร์ ซึ่งโทนเนอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวนี้ควรมีส่วนผสมอย่าง บีเอชเอหรือซาลิไซลิคเอซิด เพราะมันจะช่วยละลายไขมันในรูขุมขนและทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น จึงช่วยลดการอุดตันและปัญหารูขุมขนกว้างได้
  • หลังจากกระชับรูขุมขนก็เป็นช่วงแห่งการรักษาสิว หากคุณเป็นสิวอยู่ก็ต้องเพิ่มขั้นตอนนี้เข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยสิ่งที่เราจะนำมาลงบนผิวหน้าได้ก็คือ เอเอชเอ, บีเอชเอ และ บีพี แต่ถ้าเราไปพบแพทย์มาแล้ว แพทย์อาจจะจ่ายยาตามอาการ ซึ่งอาจเป็นทั้งยาที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอและคลินดามัยซิน
  • มาถึงขึ้นตอนการบำรุง ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวประเภทนี้ก็คือ “แบบที่เป็นโลชั่น” เพราะโลชั่นจะซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายกว่า และเบากว่าแบบครีม แต่ถึงผิวจะมีน้ำมันเคลือบค่อนข้างมาก เราก็ยังต้องเลือก “โลชั่นแบบที่ช่วยเพิ่มเติมน้ำให้ผิว” เพราะคนผิวมันจะมีมอยเจอร์ไรเซอร์ส่วนตัวมากอยู่แล้ว จะขาดก็แต่น้ำใต้ผิวเท่านั้น เวลาเลือกก็ให้ดูที่ฉลาก ถ้าเป็นเนื้อโลชั่นและมีคำว่า “Hydrating” อยู่ด้วย ก็จะเหมาะกับการบำรุงผิวหน้ามาก ๆ เลยล่ะ
  • การทำทรีทเม้นท์ หากกำลังมีสิวอักเสบให้หลีกเลี่ยงการขัดและนวดไปได้เลย สิ่งที่ทำได้คือ “การมาร์คหน้าด้วยโคลน” สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ส่วนหน้าที่การกำจัดเซลล์ผิวเก่า ก็ให้เป็นหน้าที่ของ “มาร์คหน้าประเภทลอก” ซึ่งเราสามารถทำได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
# สำหรับคนผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย #
  • การเลือกผลิตภัณฑ์ของคนกลุ่มนี้ควรเลือกแบบที่เขียนว่า “Dermatological test” เป็นหลัก ถ้าไม่ได้เขียนเอาไว้ก็ให้ดูที่ส่วนผสมว่ามี Glycerin, Dertotatum, Mineral oil, Aloe SI, Evening primrose oil และไม่มีกรดผลไม้หรือสารสกัดจากวิตามินเอก็เป็นอันใช้ได้
    ถ้ากำลังอยู่ในช่วงรักษาสิว หากจำเป็นต้องใช้ยาที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอจริง ๆ อย่างแรกเลยควรเลือกแบบวอเตอร์เบส และไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน และช่วงที่ใช้ก็ต้องทาครีมกันแดดด้วย ที่สำคัญต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • เมื่อล้างหน้าเสร็จ อย่าปล่อยให้หน้าแห้งเอง ให้รีบซับหน้าด้วยผ้าสะอาดหรือทิชชู่ เพราะถ้าปล่อยให้น้ำระเหยออกไปเอง มันจะระเหยเอาน้ำในผิวของเราออกไปด้วย
  • เลือกใช้น้ำเย็นตบที่ใบหน้าเพื่อปิดรูขุมขนแทนการใช้โทนเนอร์
  • ในส่วนของขั้นตอนการดูแลผิวและบำรุง หากเรามีสิวในช่วงนี้ ขอแนะนำว่าต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะหน้าจะลอกและแห้งง่ายมาก แพทย์จึงมักใช้ผลิตภัณฑ์ที่้เป็น “วอเตอร์เบส” เพื่อลดโอกาสการเกิดอาการระคายเคือง และถ้าหากว่าเราต้องการป้องกันหรือกำจัดสิวอักเสบก็ให้ทาบีพีก่อนล้างหน้า แต่ผู้ที่แต่งหน้าให้เช็ดเครื่องสำอางให้หมดก่อนค่อยทาบีพี พอล้างหน้าเสร็จก็ให้ตามด้วยผลิตภัณฑ์รักษาสิวตามขั้นตอน หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิวจนเรียบร้อยดีแล้วก็ต้องทำการบำรุงผิวทันที อย่าปล่อยให้หน้าแห้ง แล้วอย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์แบบเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • สำหรับการทำทรีทเม้นท์นั้น คนผิวแห้งที่มีสิวเห่อบนใบหน้า ห้ามขัดหน้าเด็ดขาด (ถ้ามีแค่สิวเสี้ยนก็สามารถขัดได้แบบเบามือ แต่อย่าทำบ่อยเพราะจะทำให้หน้าแห้งเหี่ยวและเกิดริ้วรอยได้) แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือ “การมาร์คหน้าด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื่น
  • การเลือกใช้เครื่องสำอาง ขอให้เลือกเครื่องสำอางที่ไม่ใช่สูตรกันน้ำหรือสูตรติดทนนาน
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและของที่จะทำให้แพ้ และพยายามยุ่งกับใบหน้าให้น้อยที่สุด หากเป็นไปได้ก็อย่าแต่งหน้าบ่อย ตอนล้างหน้าเราจะได้ไม่ต้องถูหน้านานมาก หน้าจะได้ดูเต่งตึง
  • สภาพแวดล้อมก็เป็นสิ่งสำคัญที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ คุณควรดูแลที่นอนปลอกหมอนไม่ให้มีฝุ่น รวมไปถึงตุ๊กตาด้วย
  • มาที่เรื่องอาหารกันบ้าง อาหารที่ช่วยบำรุงให้ผิวแห้งดูชุ่มชื้นก็คือ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ส่วนอาหารที่ทำให้ผิวแข็งแรงยืดหยุ่นได้ดีก็จะเป็นอาหารพวกที่มีโอเมก้า 3 กับวิตามินซี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น